สำนักดาวเหินและสำนักแปดทิศ
สำนักดาวเหิน (Flying Star School) และ สำนักแปดทิศ (Eight Mansion School) สำหรับบ้านพักอาศัย (Yang House)
“สำนักสามยุค” และ “สำนักสามประสาน” ของฮวงจุ้ยที่กล่าวถึงในบทก่อนหน้านี้ เน้นถึงความแตกต่างหลักในเทคนิคฮวงจุ้ยของ “หยินเฮ้าส์ (Yin House)” หรือสถานที่ฝังศพสำหรับบรรพบุรุษ แต่สำหรับ “หยางเฮ้าส์ (Yang House)” หรือบ้านพักอาศัยของคนที่ยังมีชีวิต สำนักหลักที่ใช้กันมากที่สุด ได้แก่ “สำนักแปดทิศ (Eight Mansion School)” และ “สำนักดาวเหิน (Flying Stars School)”
สำนักแปดทิศ (Eight Mansion School)
หรือที่เรียกว่า “สำนักปากั้ว (Bagua School)” เป็นศาสตร์ฮวงจุ้ยที่จัดประเภทอาคารออกเป็น 8 ประเภท โดยพิจารณาจากทิศทางด้านหลังของอาคารเป็นหลัก
• อาคารหรือบ้านแต่ละประเภทจะได้รับการกำหนดด้วย “ไตรลักษณ์ (Trigram)” หนึ่งในแปด ได้แก่:
• ฟ้า (Heaven): ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (NW)
• น้ำ (Water): ทิศเหนือ (N)
• ภูเขา (Mountain): ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (NE)
• สายฟ้า (Thunder): ทิศตะวันออก (E)
• ลม (Wind): ทิศตะวันออกเฉียงใต้ (SE)
• ไฟ (Fire): ทิศใต้ (S)
• ดิน (Earth): ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (SW)
• ทะเลสาบ (Lake): ทิศตะวันตก (W)
การกำหนดไตรลักษณ์ส่วนบุคคล (Ming Kua)
บุคคลแต่ละคนจะได้รับการกำหนดไตรลักษณ์ส่วนบุคคลของตนเอง โดยอ้างอิงจากปีเกิดของบุคคลนั้น ไตรลักษณ์ส่วนบุคคลนี้เรียกว่า “หมิงกว้า (Ming Kua)” ซึ่งสามารถค้นหาได้จากตารางเฉพาะที่กำหนดไว้
ข้อความนี้อธิบายถึงการจัดประเภทอาคารและบุคคลตามหลักการของ สำนักแปดทิศ เพื่อการวางแผนและปรับปรุงบ้านพักอาศัยให้เหมาะสมกับพลังงานของผู้ที่อาศัยในบ้านนั้น
ไตรลักษณ์สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่:
1. กลุ่มทิศตะวันออก (East 4 Group):
ไตรลักษณ์ที่อยู่ในกลุ่มนี้ได้แก่:
• ไฟ (Fire): ทิศใต้ (S)
• น้ำ (Water): ทิศเหนือ (N)
• สายฟ้า (Thunder): ทิศตะวันออก (E)
• ลม (Wind): ทิศตะวันออกเฉียงใต้ (SE)
2. กลุ่มทิศตะวันตก (West 4 Group):
ไตรลักษณ์ที่อยู่ในกลุ่มนี้ได้แก่:
• ฟ้า (Heaven): ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (NW)
• ดิน (Earth): ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (SW)
• ภูเขา (Mountain): ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (NE)
• ทะเลสาบ (Lake): ทิศตะวันตก (W)
การเลือกบ้านตามกลุ่มไตรลักษณ์ของแต่ละคน
• คนที่เกิดในกลุ่มทิศตะวันออก (East 4 Group):
ควรอยู่อาศัยในบ้านที่อยู่ในกลุ่มทิศตะวันออก โดยมีด้านหลังของบ้านหันไปทาง:
• ทิศใต้ (S)
• ทิศเหนือ (N)
• ทิศตะวันออก (E)
• ทิศตะวันออกเฉียงใต้ (SE)
• คนที่เกิดในกลุ่มทิศตะวันตก (West 4 Group):
ควรอยู่อาศัยในบ้านที่อยู่ในกลุ่มทิศตะวันตก โดยมีด้านหลังของบ้านหันไปทาง:
• ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (NW)
• ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (SW)
• ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (NE)
• ทิศตะวันตก (W)
การกำหนดตำแหน่งมงคลในบ้านตามปีเกิดของแต่ละคน
นอกจากการเลือกบ้านที่เหมาะสมแล้ว ยังสามารถกำหนด ตำแหน่งที่เป็นมงคลในบ้าน ได้จากไตรลักษณ์ตามปีเกิดของบุคคล ตารางที่เกี่ยวข้องจะแสดงผลลัพธ์ของ ความหมายของ 8 ทิศทางในบ้าน ซึ่งสัมพันธ์กับไตรลักษณ์ส่วนบุคคล (Birth Trigram)
ข้อความนี้เน้นถึงความสำคัญของการเลือกบ้านและตำแหน่งภายในบ้านที่เหมาะสมกับไตรลักษณ์ของแต่ละคน เพื่อส่งเสริมพลังงานที่ดีและความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต
ข้อเสียของฮวงจุ้ยประเภทนี้
ข้อเสียของฮวงจุ้ยประเภทนี้คือ ไม่ได้พิจารณาถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของเวลา ที่ส่งผลต่อความเจริญรุ่งเรืองของแต่ละทิศทางในบ้าน
ข้อความนี้เน้นถึงข้อจำกัดของศาสตร์ฮวงจุ้ยที่ยึดตาม กลุ่มทิศทาง (East 4 และ West 4) ซึ่งไม่ได้คำนึงถึงปัจจัยของเวลา (Time Factor) ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และอาจส่งผลต่อพลังงานของทิศทางในอนาคต
สำนักดาวเหิน (Flying Star School)
สำนักดาวเหินยอมรับว่ามีพลังงาน 9 รูปแบบ ที่แตกต่างกันซึ่งมีอยู่ในสิ่งแวดล้อมของเรา พลังงานเหล่านี้มาจากจักรวาล ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับ 9 ดวงดาวในกลุ่มดาวจระเข้ (Big Dipper) พลังงานเหล่านี้แสดงด้วยตัวเลข 1 ถึง 9 และแต่ละตัวเลขมีคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อีกทั้งยังมีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อสิ่งแวดล้อมของเรา
คุณสมบัติของพลังงานดาวเหิน
พลังงานเหล่านี้ หรือ “ดาวเหิน (Flying Stars)” ไม่ได้หยุดนิ่ง แต่มีลักษณะเป็น พลังงานแบบไดนามิก ซึ่งเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาในรูปแบบที่เป็นวัฏจักร ดังนั้นพลังงานเหล่านี้จึงส่งผลต่อโชคลาภของบ้านในรูปแบบที่แตกต่างกันในช่วงเวลาที่ต่างกัน
จุดเน้นสำคัญของสำนักดาวเหิน
ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของเวลา (Time Changes) ต่อโชคลาภของอาคารเป็นประเด็นสำคัญที่สำนักดาวเหินให้ความสำคัญ ด้วยเหตุนี้ สำนักดาวเหินจึงผสานแนวคิดเกี่ยวกับ วัฏจักรเวลา (Time Cycle) ที่เรียกว่า “สามยุคและเก้ายุค (Three Periods and Nine Ages)” ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้:
ข้อความนี้เน้นถึงความสำคัญของเวลาในฮวงจุ้ยแบบดาวเหิน พลังงานจักรวาลส่งผลกระทบอย่างเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบที่หมุนเวียน
ระบบวัฏจักรเวลาในสำนักดาวเหิน
ระบบนี้เริ่มต้นจาก “ยุคที่ 1” (Age of 1) ซึ่งเริ่มต้นเมื่อ 2637 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BC) และดำเนินไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดชะงัก จนถึงปัจจุบัน เราอยู่ใน “ยุคที่ 8” (Age of 8) ซึ่งครอบคลุมช่วงเวลา ปี 2004 - 2024
ความหมายของตัวเลขดาวในยุคปัจจุบัน (ยุคที่ 8)
1. ดาวหมายเลข 8: ถือเป็น “พลังแห่งความเจริญรุ่งเรืองในปัจจุบัน” (Current Prosperity)
2. ดาวหมายเลข 9: ถือเป็น “พลังแห่งความเจริญรุ่งเรืองในอนาคต” (Future Prosperity)
3. ดาวหมายเลข 1: แทน “พลังแห่งความเจริญรุ่งเรืองในอนาคตอันไกล” (Prosperity of Distant Future)
4. ดาวหมายเลข 2 ถึง 7: เป็นพลังงานที่ “เสื่อมสลาย” (Faded Out Energies)
ความหมายของตัวเลขดาว (Star Numbers) ในยุคปัจจุบัน
รายละเอียดความหมายของแต่ละตัวเลขในยุคปัจจุบันนี้ถูกระบุไว้อย่างชัดเจน เพื่อแสดงถึงบทบาทของพลังงานในสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อโชคลาภของบ้าน
เนื้อหานี้ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังงานตามยุคสมัย โดยในยุคปัจจุบัน (ยุคที่ 8) พลังงานของดาวหมายเลข 8 มีบทบาทสำคัญที่สุดในเรื่องของความเจริญรุ่งเรือง
การประยุกต์ใช้เทคนิคดาวเหินในการประเมินฮวงจุ้ยของอาคาร
ในการใช้เทคนิคดาวเหินเพื่อประเมินฮวงจุ้ยของอาคาร มีขั้นตอนสำคัญดังนี้:
1. กำหนดอายุของอาคาร (Birth Age):
ต้องทราบ ยุคการเกิดของอาคาร ซึ่งสัมพันธ์กับปีที่สร้างอาคาร
2. วัดทิศทางด้านหน้าของอาคารอย่างแม่นยำ:
การวัดนี้ต้องใช้ เข็มทิศ Lo Pan เพื่อหาทิศทางที่แน่นอน
3. สร้างแผนภูมิดาวเหินสำหรับอาคาร (Flying Star Chart):
โดยสามารถวาดแผนภูมิได้ตามตัวอย่างใน ภาคผนวกที่ 1 แผนภูมิจะบ่งบอกถึงการกระจายตัวของดาวทั้ง 9 แบบในศูนย์กลางและ 8 ทิศทางรอบอาคาร
การตีความแผนภูมิดาวเหิน
เมื่อมีแผนภูมิดาวเหินสำหรับอาคารแล้ว คุณสามารถ:
• ระบุตำแหน่งของดาวที่เจริญรุ่งเรือง:
เช่น ดาวหมายเลข 8, 9, และ 1 และตรวจสอบว่าดาวเหล่านี้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมหรือไม่
• หลักการตีความแผนภูมิดาวเหิน:
• ดาวน้ำที่เจริญรุ่งเรือง (Prosperous Water Stars):
ซึ่งเกี่ยวข้องกับ ความมั่งคั่งทางการเงิน ควรวางไว้ในพื้นที่ที่มีการใช้งานหรือเคลื่อนไหว เช่น ห้องนั่งเล่นหรือพื้นที่ทางเข้า เพื่อเพิ่มพลังด้านความมั่งคั่ง
• ดาวภูเขาที่เจริญรุ่งเรือง (Prosperous Mountain Stars):
ซึ่งเกี่ยวข้องกับ ความสามัคคีและสุขภาพของคนในบ้าน ควรวางไว้ในพื้นที่ที่เงียบสงบและปิดล้อม เช่น ห้องนอน หรือพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหว เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และความสมดุลในครอบครัว
บทสรุป:
แผนภูมิดาวเหินเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การวิเคราะห์ฮวงจุ้ยของอาคารมีความชัดเจนและแม่นยำ โดยการกำหนดตำแหน่งของดาวที่เจริญรุ่งเรืองและนำไปใช้ในพื้นที่ที่เหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างความมั่งคั่งและความสามัคคีในอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ