14 หกพันธมิตรนักษัตรที่สอดประสานกันหกคู่
หกพันธมิตร เมื่อการปะทะกันระหว่างนักษัตรหมายถึงการต่อสู้ การสอดประสานกันระหว่างนักษัตรก็หมายถึงการดึงดูดกัน และความกลมกลืนกัน ตัวอย่างข้างล่างนี้แสดงให้เห็นคู่นักษัตรที่มีความสัมพันธ์สอดคล้องกัน
ชวด 子 + ฉลู 표 = น้ำ
ขาล 寅 + กุน 亥 = ไม้
เถาะ 卯 + จอ 戌 = ไฟ
มะโรง 辰 + ระกา 酉 = โลหะ
มะเส็ง 巳 + วอก 申 = น้ำ
มะเมีย 午 + มะแม 未 = ดิน
ตารางนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ "หกพันธมิตร" เพราะมีนักษัตรที่สอดประสานกันหกคู่ มีความหมายถึงความสอดคล้องกลมกลืน
ซึ่งตรงกันข้ามกับการปะทะกัน หากมีการปะทะกันเป็นจำนวนมากในจตุสดมภ์ก็จะสะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์ที่ขัดแย้งกันรวมทั้งจะประสบอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้เพราะก้านดินเป็นรากฐาน และรากฐานจะไม่มั่นคงหากมีการปะทะกันมากเกินไป
ในทางกลับกัน การสอดประสานกันในจตุสดมภ์จะสื่อถึงความสัมพันธ์ที่สอดคล้องกลมกลืน ตัวอย่างด้านบนนี้ยังแสดงให้เห็นธาตุที่เป็นผลลัพธ์หลังจากรวมกันแล้วอีกด้วย เช่น มะโรงรวมกับระกาก่อให้เกิดโลหะ อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ควรเน้นหนักในเรื่องของธาตุผลลัพธ์มากจนเกินไปในการวิเคราะห์โชคชะตา เพราะดังเช่นที่เคยกล่าวไว้แล้วเกี่ยวกับการสอดประสานระหว่างกิ่งสวรรค์ว่าการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้จากเงื่อนไขมากมาย ดังนั้นธาตุผลลัพธ์จึงไม่ค่อยนำมาใช้ในเชิงปฏิบัติ
การสอดประสานกันแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่สอดคล้องลงตัว ยกตัวอย่างเช่น
หากคนคนหนึ่งเกิดในวันของนักษัตรมะโรง ในเดือนนักษัตรระกา มะโรงและระกาก็จะรวมกัน ซึ่งหมายความว่าคู่ชีวิตของเจ้าชะตาจะเข้ากันได้ดีกับผู้เป็นแม่ของเจ้าชะตา แต่หากก้านดินของสดมภ์วันปะทะกับก้านดินของสดมภ์เดือน ก็สื่อความหมายว่าอาจจะมีความขัดแย้งกันระหว่างคู่ชีวิตและผู้เป็นแม่ของเจ้าชะตา ทฤษฎีเดียวกันนี้ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับความสัมพันธ์แบบปะทะและสอดประสานกันที่เกิดขึ้น ระหว่างสดมภ์วันและสดมภ์ยามอีกด้วย ซึ่งจะชี้ให้เห็นว่าผู้เป็นลูกเข้ากันได้กับคู่ชีวิตของเจ้าชะตาหรือไม่
นักษัตรทั้งสิบสองสามารถนำมาวางตำแหน่งไว้บนฝ่ามือเป็นรูปวงกลมดังที่แสดงอยู่ในภาพข้างล่าง เริ่มจากนักษัตรชวดที่อยู่ล่างสุดและไล่ลำดับไปตามเข็มนาฬิกา เราสามารถเห็นตำแหน่งทแยงหรือตำแหน่งตรงกันข้ามซึ่งแสดงให้เห็นคู่ปะทะกัน และเห็นตำแหน่งแนวขวางหรือแนวขนานซึ่งแสดงให้เห็นคู่พันธมิตร
ฝ่ามือพร้อมด้วยตำแหน่ง 12 นักษัตร
แสดงให้เห็นคู่ปะทะและคู่พันธมิตรของก้านดิน
มีหลักการพื้นฐานอยู่ว่านักษัตรหนึ่งๆ จะชอบการรวมกันมากกว่าการปะทะกัน ซึ่งหมายความว่าการรวมกันย่อมมีความสำคัญเหนือกว่าการปะทะกัน หากระกาเจอกับมะโรงและเถาะในเวลาเดียวกัน ระกาจะรวมกับมะโรงและไม่ปะทะกับเถาะ การชอบการรวมกันมากกว่าการปะทะกันที่จริงแล้วเป็นหลักในการสลายความขัดแย้งกันระหว่างสองนักษัตรนั่นเอง
ยกตัวอย่างเช่น ในปีของนักษัตรระกา คนที่เกิดปีเถาะจะปะทะกับราหูประจำปี หรือ "ไท่ซุ่ย" การปะทะกันเช่นนี้จะนำความโกลาหลวุ่นวายและความเคลื่อนไหวต่างๆ มาให้ เพื่อเป็นการลดทอนการปะทะวิถีการดั้งเดิมคือให้พกจี้มังกรเหตุผลคือระกาชอบที่จะรวมกับมะโรงมากกว่า ดังนั้นก็จะไม่ปะทะกับเถาะหากมีมังกรอยู่
เมื่อใดก็ตามที่มีการปะทะกันเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปะทะกับปีหรือสดมภ์แห่งโชค หรือการปะทะกันนั้นเกิดขึ้นภายในจตุสดมภ์ก็ตาม อย่างน้อยสิ่งสำคัญที่จะต้องป้องกันเอาไว้ก่อนก็คือการพกจี้นักษัตรที่เหมาะสมที่จะช่วยดึงดูดนักษัตรขัดแย้งที่กำลังใกล้เข้ามาออกไป
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของการปะทะกันที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ นี่คือโศกนาฏกรรมของจอห์น เคนเนดี้ จูเนียร์ เขาเสียชีวิตในปี 1999 (2542) ด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินชน และอุบัติเหตุครั้งนี้ก็สัมพันธ์กันอย่างมากกับการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างนักษัตรในจตุสดมภ์ของเขา จอห์น เคนเนดี้ จูเนียร์ เกิดเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 1960 (2503) จตุสดมภ์ของเขาเป็นดังนี้
เขาเป็นคนธาตุไฟที่เกิดในเดือนของฤดูหนาวซึ่งเป็นเวลาที่น้ำซึ่งมีความแข็งแกร่งกำลังคุกคามและทำลายธาตุไฟประจำตัวของเขา ดังนั้นเขาจึงเป็นคนธาตุไฟอ่อน และจะต้องเสริมด้วยธาตุไม้และธาตุไฟ ในจตุสดมภ์ของเขา เราจะเห็นว่าเขามีรากฐานที่เกื้อหนุนเขาเพียงตำแหน่งเดียวเท่านั้น ก้านดินอื่น ๆ อีก 3 ก้านล้วนแต่เป็นธาตุน้ำทั้งสิ้น และธาตุน้ำเหล่านี้จะทำลายมะเส็งธาตุไฟซึ่งมีอยู่เพียงตำแหน่งเดียวในก้านดินได้อย่างง่ายดาย และที่ยิ่งอันตรายเข้าไปอีกคือมะเส็งตกอยู่ภายใต้การปะทะกับนักษัตรกุนในสดมภ์เดือน ดังนั้นมะเส็งจะตกอยู่ในสภาวะวิกฤตในการถูกปราบและทำลายโดยนักษัตรกุนธาตุน้ำที่ทรงพลังเกินที่จะต้านทานได้ เมื่อมะเส็งถูกทำลาย เขาก็จะสูญเสียรากฐานของตัวเองไปโดยสิ้นเชิง และจตุสดมภ์ก็จะพังทลายลงมาทั้งหมด
เราจะเห็นว่าลักษณะเช่นนี้ถือเป็นสภาวะวิกฤตของโชคชะตา การอยู่รอดของธาตุไฟประจำตัวของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย เส้นสุดท้าย ซึ่งหมายถึงมะเส็งที่แสนจะอ่อนกำลังและตกอยู่ภายใต้การปะทะด้วย คนที่มีจตุสดมภ์วิกฤตเช่นนี้มักจะประสบอุบัติเหตุได้ง่าย
สาเหตุที่คนบางคนเกิดมาพร้อมกับจตุสดมภ์ที่วิกฤตและเป็นอันตรายมากกว่าคนอื่น ๆ นั้นยังเป็นปริศนา และเราก็ได้เห็นสมาชิกผู้ชายของตระกูลเดนเนดี้หลายคนประสบอุบัติเหตุถึงแก่ความตาย เล่าลือกันว่าตระกูลนี้ต้องคำสาป อย่างไรก็ตามเมื่อมองในแง่ของความเชื่อชาวจีน สิ่งนี้เกี่ยวเนื่องกับฮวงจุ้ยที่ไม่ดีของสุสานบรรพบุรุษด้วย
เราลองมาพิจารณาจตุสดมภ์ของจอห์น เคนเนดี้ จูเนียร์ กันอีกครั้ง เนื่องจากมีการปะทะกันที่เป็นอันตรายระหว่างมะเส็งและกุนอยู่ในจตุสดมภ์ของเขา วิธีดั้งเดิมในการป้องกันคือเขาต้องพกจี้นักษัตรที่จะดึงดูดนักษัตรกุนซึ่งเป็นนักษัตรที่คุกคามต่อชีวิตของเขาที่สุดออกไป ยิ่งกว่านั้น นักษัตรขาลยังเป็นธาตุไม้และสามารถให้การสนับสนุนที่แข็งแกร่งแก่ธาตุไฟของเขาอีกด้วย ดังนั้นนักษัตรขาลจึงเป็นนักษัตรที่เอื้อประโยชน์ต่อเขาที่สุด
จริงทีเดียวที่เราได้เห็นว่าจอห์น เคนเนดี้ จูเนียร์ มีโชคที่ยอดเยี่ยมมากในสดมภ์แห่งโชคช่วงอายุ 24 ถึง 33 ปี นี่คือสดมภ์แห่งโชคของนักษัตรขาลซึ่งเป็นธาตุไม้ที่ส่งเสริมธาตุไฟ และประโยชน์ที่สำคัญที่สุดคือนักษัตรขาลสามารถดึงดูดนักษัตรกุนออกไปและคุ้มครองมะเส็งจากการถูกทำลายโดยนักษัตรกุนได้ ดังนั้นในช่วงนี้จึงเป็นช่วงเวลาแห่งความสำเร็จในชีวิตของเขาและเขายังได้ผลิตนิตยสารอันทรงเกียรติชื่อว่า George (จอร์จ) อีกด้วย เพราะ LOGO นิตยสาร ณ ช่วงที่เขาเป็นเจ้าของเป็นรูปเสือ ดังนั้นแม้ว่าเขาจะไม่ได้พกจี้นักษัตรขาลแต่เสือที่ปรากฎในสดมภ์แห่งโชคของเขาก็ได้ช่วยเขาให้มั่งคั่งร่ำรวยจากกิจการนิตยสาร
ในวันที่ 16 กรกฎาคม 1999 (2542) เวลา 21.45 นาฬิกา ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นขณะที่เขากำลังขับเครื่องบินส่วนตัวกับภรรยาน้องสาวของภรรยาเครื่องบินได้ตกลงในมหาสมุทรนั่นคือนักษัตรขาลไม่ได้อยู่คอยให้ความช่วยเหลืออีกแล้ว ซึ่งหมายความว่าตั้งแต่อายุ 34 เป็นต้นไปเมื่อนักษัตรขาลผ่านพ้นไป ชีวิตของเขาก็ตกอยู่ในอันตรายเสียแล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากธาตุที่ถูกโฉลกกับเขาคือธาตุไม้ ธาตุไม้ของนักษัตรเถาะในสดมภ์แห่งโชคของช่วงอายุ 34 ถึง 43 ปี จึงยังคงเกื้อหนุนเขาอยู่ ดังนั้นโชคของเขาจะยังเอื้ออยู่และอาชีพการงานของเขายังดำเนินไปได้ด้วยดี แต่อุบัติเหตุก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อเราอยู่ในช่วงที่โชคดี อุบัติเหตุเช่นนี้สืบเนื่องจากการปะทะกันของนักษัตรที่เข้ามาในช่วงเวลาวิกฤต
หากคนคนหนึ่งมีการปะทะที่วิกฤตในจตุสดมภ์เช่นเดียวกับจอห์น เคนเนดี้ จูเนียร์ คนคนนั้นจะต้องระมัดระวังตัวมากกว่า คนๆอื่น คนประเภทนี้จะต้องไม่พาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอันตราย เช่นการเล่นกีฬาที่เสี่ยง ในกรณีของเคนเนดี้ จูเนียร์ ในวันมหาวินาศนั้น ที่จริงแล้วเขาได้ทำผิดพลาดเอาไว้มากมายซึ่งก่อให้เกิดอุบัติเหตุถึงขั้นเสียชีวิต มาตรวจสอบจตุสดมภ์ของช่วงเวลาที่อุบัติเหตุนี้เกิดขึ้นกัน
อุบัติเหตุนี้เกิดขึ้นในสดมภ์แห่งโชคช่วงอายุ 34 ถึง 43 ปี ไม่มีนักษัตรขาลอยู่เพื่อสลายการปะทะะหว่างมะเส็งและกุน ดังนั้นมะเส็งจึงตกอยู่ในอันตรายที่จะถูกปราบโดยนักษัตรกุนอยู่ดูลอดเวลา เดือนที่เกิดเหตุคือเดือนกรกฎาคม เมื่อความแรงของธาตุไฟสิ้นสุดลงและพลังของไฟก็อ่อนกำลัง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันมะเส็ง หมายความว่าธาตุวิกฤตของมะเส็ง ปรากฎเด่นชัดขึ้นซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเลย หากอะไรก็แล้วแต่ที่มีความสำคัญและล้ำค่า โดยทั่วไปแล้วก็ควรจะซ่อนและเก็บมันไว้ในที่ที่ปลอดภัย แต่เมื่อปรากฎออกมาโจ่งแจ้ง ก็มีความเสี่ยงที่จะถูกขโมย หลักการเดียวกันนี้นำมาประยุกต์กับจตุสดมภ์ เมื่อธาตุที่เอื้อประโยชน์ที่มีความสำคัญปรากฎเด่นชัดเช่นนี้ ก็จะสามารถถูกโจมตีจนถึงแก่ชีวิตและสร้างหายนะให้ได้ อุบัติเหตุเกิดขึ้นในชั่วโมงนักษัตรกุนซึ่งชงปะทะกับมะเส็งและทำลายมะเส็ง
เราจะเห็นได้ว่ามีปัจจัยมากมายที่นำไปสู่อุบัติเหตุครั้งนี้ ประการแรก จตุสดมภ์ของจอห์น เคนเนดี้อยู่ในสภาวะวิกฤตและประสบอุบัติเหตุได้ง่าย ลักษณะเช่นนี้ เขาไม่ควรพาตัวเองไปเสี่ยงด้วยการเล่นกีฬาอันตราย การขับเครื่องบินถือเป็นกีฬาที่เสี่ยงอันตราย
ประการที่สอง นักษัตรที่อันตรายที่สุดที่กำลังคุกคามชีวิตของเขาอยู่คือนักษัตร "กุน" ซึ่งก็คือน้ำหรือทะเล ดังนั้นเขาจึงไม่ควรบินเหนือทะเล ซึ่งนับว่าเป็นธาตุน้ำจริงๆ ที่ปลิดชีวิตเขา
ประการต่อมา เขาไม่ควรที่จะบินในชั่วโมงของนักษัตรกุน นี่ยิ่งเสริมนักษัตรกุนซึ่งเย็นปรปักษ์ของเขามากขึ้นไปอีก เวลา 21.45 นาฬิกา เป็นเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ (21-23 นาฬิกา เป็นเวลากุน)
ช่วงเวลาของ 12 นักษัตร
เขาเดินทางพร้อมกับภรรยาโดยเครื่องบินเป็นปัจจัยหนุนนำ นักษัตรมะเส็งในก้านดินของสดมภ์วันที่จริงแล้วเป็นสัญลักษณ์แทนภรรยาของเขา ดังนั้นการปะทะของนักษัตรกุนที่จริงแล้วเกิดขึ้นกับภรรยาของเขา หากภรรยาของเขาไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย เธอก็จะไม่ตาย ซึ่งก็อาจเป็นไปได้ว่าเขาก็จะไม่ตายด้วย
ที่แน่ๆ ประการสุดท้ายคือหากเขาพกจี้นักษัตรขาลก็อาจจะช่วยได้
“สามพันธมิตร” นอกจาก "หกพันธมิตร" ซึ่งมีความหมายถึงการดึงดูดกันระหว่าง 2 นักษัตรแล้ว ยังมีความสัมพันธ์ที่สอดประสานกันที่สำคัญอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งประกอบตัวย 3 นักษัตรมารวมเข้าด้วยกัน และก็เหมือนกับคุณสมบัติทางเคมี นักษัตรทั้งสามหลังจากรวมกันแล้วจะก่อให้เกิดธาตุที่แข็งแกร่งหนึ่งธาตุ ต่อไปนี้คือตัวอย่างแสดง "สามพันธมิตร"
เพราะเหตุใดเราจึงนำนักษัตรทั้ง 3 นี้มารวมเข้าด้วยกันและทำไมนักษัตรเหล่านี้จึงเปลี่ยนไปเป็นธาตุที่ทรงพลังหนึ่งธาตุ สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับวงจรชีวิตของธาตุตลอดสี่ฤดูกาล หรือ 12 เดือนของปี ธาตุต่างๆ ก็เหมือนกับมนุษย์ มีวงจรชีวิตตั้งแต่เกิดไปจนถึงเติบโตผ่านช่วง 12 เดือน และแต่ละเดือนก็แทนวงจรชีวิตช่วงหนึ่งๆ ของธาตุนั้นๆ เรามาพิจารณาธาตุน้ำเป็นตัวอย่างกัน ตารางข้างล่างนี้แสดงให้เห็นว่าชีวิตของธาตุน้ำเดินทางผ่านช่วง 12 เดือนของปีอย่างไร
ในตารางแสดงให้เห็นว่าธาตุน้ำเกิดในเดือนสิงหาคม อาบน้ำในเดือนกันยายน ซึ่งอาจจะเหมือนกับทารกเกิดใหม่ที่ธรรมเนียมจีนจะให้อาบน้ำหลังจากทารกอายุครบหนึ่งเดือนไปแล้ว จากนั้นในเดือนตุลาคม น้ำสวมหมวกซึ่งหมายถึงการเข้าโรงเรียน จากนั้นในเดือนพฤศจิกายน น้ำสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียน ดังนั้นในเดือนธันวาคม น้ำจะแข็งแกร่งและรุ่งเรืองที่สุด น้ำมาถึงช่วงสูงสุดของชีวิต ในเดือนมกราคมหลังช่วงสูงสุด น้ำจะตกต่ำลง อ่อนแอ เจ็บป่วย และตายในที่สุด สิ่งนี้เกิดขึ้นในเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม เมื่อมาถึงเดือนเมษายน น้ำก็ไปสู่สุสาน และถึงจุดสิ้นสุดในเดือนพฤษภาคม แต่ในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม น้ำจะอยู่ในช่วงระยะฟักตัวเตรียมพร้อมที่จะเถิดใหม่อีกครั้งในเดือนสิงหาคม แล้ววงจรชีวิตวงจรใหม่จะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
จากตารางเราจะเห็นว่าเดือนวอกเป็นเดือนเกิดของน้ำ และเดือนชวดเป็นเดือนที่รุ่งเรืองที่สุด มะโรงเป็นของเดือนเมษายนซึ่งเป็นช่วงที่น้ำเข้าสู่สุสาน ทั้ง 3 นักษัตรนี้จึงเป็นช่วงชีวิตที่มีความสำคัญที่สุดของน้ำ ดังนั้นนักษัตรทั้งสามจึงนำมารวมเข้าด้วยกันเป็นตัวแทนของวงจรธาตุน้ำ และเมื่อทั้ง 3 นักษัตรนี้ปรากฎขึ้นในเวลาเดียวกัน ก็จะรวมกันเป็นธาตุน้ำที่ทรงพลังอย่างยิ่ง
หลักการเดียวกันนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธาตุอื่นๆ ได้ด้วย อย่างเช่น ธาตุไม้เกิดในเดือนกุน (พฤศจิกายน)
รุ่งโรจน์ในเดือนเถาะ (มีนาคม) และเข้าสู่สุสานในเดือนมะแม (กรกฎาคม) ดังนั้นเมื่อเราเห็นนักษัตรกุน เถาะ และมะแมปรากฏขึ้นพร้อมกัน ไม่ว่าจะในลักษณะใด ทั้งสามก็จะรวมกันเป็นธาตุไม้ที่ทรงพลังที่สุด
เราลองมาดูจตุสดมภ์ของ
วันที่ 26 ธันวาคม 2004 เวลา 8 ถึง 9 นาฬิกา
นี่คือเวลาที่สึนามิลูกยักษ์ถล่มเอเชียใต้ในปี 2004 (2547) ก้านดินของวันนั้นแสดงให้เห็นนักษัตรวอกในสดมภ์ปี นักษัตรชวดในสดมภ์เดือน นักษัตรมะโรงในสดมภ์ยาม รวมกันเป็นสามพันธมิตรแห่งน้ำใหญ่ ซึ่งก่อให้เกิดมหันตภัยทางน้ำที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์
อีกตัวอย่างหนึ่งของวันที่ 14 เมษายน 1912 (2455) เวลาเที่ยงคืน
นี่ก็เป็นช่วงเวลาวิปโยคของมหันตภัยจากน้ำใหญ่อีกเช่นกัน เป็นเวลาที่เรือไททานิคชนกับภูเขาน้ำแข็ง เราจะเห็นการรวมกันของน้ำใหญ่ระหว่างวอก ชวด และมะโรง
ความสัมพันธ์แบบปะทะกันและสอดประสานกันมักจะก่อให้เกิดเหตุการณ์สำคัญๆ ขึ้นในชีวิตเรา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องจดจำและใส่ใจต่อความสัมพันธ์ดังกล่าว ในตอนต่อๆ ไปเราจะมาวิเคราะห์ตัวอย่างมากขึ้นเพื่อตีความหมายของความสัมพันธ์เหล่านี้