12 ความเจริญรุ่งเรือง ฮวงจุ้ยดีเปิดทางเข้าให้กว้าง

ความเจริญรุ่งเรือง ฮวงจุ้ยดีเปิดทางเข้าให้กว้าง 

หลังจากที่เราพูดถึงแง่มุมทางทฤษฎีของฮวงจุ้ยสำนักอัฏฐะเรือนแล้ว ตอนนี้เราจะพูดถึงความยุ่งยากบางประการในทางปฏิบัติของมันบ้างละ ปัญหาแรกคือทิศของบ้าน เนื่องจากทิศของบ้านเป็นพื้นฐานของการประเมินฮวงจุ้ยทั้งหมดความผิดพลาดใด ๆ ในขั้นตอนแรกนี้ย่อมทำให้ผลการประเมินกลายเป็นความสูญเปล่าดังนั้น การตัดสินเรื่องทิศของบ้านได้อย่างถูกต้องจึงสำคัญที่สุด

 

ในอดีตการหาทางเข้าด้านหน้าและด้านหลังของบ้านเป็นเรื่องง่าย เพราะบ้านจะมีทางเข้าด้านหน้าและด้านหลังที่เห็นได้ชัด แค่ปัจจุบันไม่เป็นอย่างนั้นเสียแล้วโดยเฉพาะอาคารสูง อพาร์ตเมนท์ สมัยใหม่ไม่มีทางเข้าด้านหน้าและด้านหลังที่เด่นชัด ตัวอย่างเช่น อาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่มีทางเข้า 3 หรือ 4 ทาง และยากที่จะระบุได้ว่าทางเข้าไหนเป็นด้านหน้า อาคารทันสมัยอื่น ๆ ก็อาจมีรูปทรงเป็นเหลี่ยมเพชร เป็นตัวอักษร X หรือ Y ในภาษาอังกฤษ และอื่น ๆ โดยมีทางเข้าด้านหน้าและด้านหลังหลายทาง แม้แต่ซินแสฮวงวุ้ยก็มักพบว่า กำหนดทิศที่เหมาะสมได้ยาก ซึ่งส่งผลให้กำหนดทิศของอาคารได้ยากตามไปด้วย ซินแสที่มีประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญ

 

1. ทฤษฎีอัฏฐะเรือนเกิดขึ้นในสมัยที่ผู้คนสร้างบ้านตามเชิงเขา และริมแม่น้ำเชื่อกันว่าภูเขา (หรือจะเรียกว่ามังกรก็ได้) และแม่น้ำส่งผลกระทบต่อพลังที่จับต้องไม่ได้ กล่าวคร่าวๆ ไห้ว่า ภูเขาและแม่น้ำส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความเจริญรุ่งเรือง ในสมัยเก่าก่อนถือกันว่า บ้านที่มีภูเขาอยู่ข้างหลังและน้ำอยู่ข้างหน้าเป็นบ้านซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ทางเข้าของบ้านที่ว่านี้มักหันไปทางแม่น้ำ เพื่อรับพลังแห่ง

ความเจริญรุ่งเรือง และบ้านที่ว่านี้จะได้ชื่อตามทิศของภูเขาที่ตั้งอยู่ด้านหลังของมันในเมืองยุคใหม่ ภูเขาถูกทดแทนด้วยอาคารสูง ส่วนแม่น้ำก็ถูกทดแทนด้วยถนน ดังนั้น จึงถือกันว่าทิศของอาคารที่หันไปทางถนนใหญ่คือด้านหน้าของบ้าน บ้านเลยได้ชื่อตามทิศของหลังบ้าน ตัวอย่าง เช่น รูป 18 บ้านที่หันหลังให้ทิศใต้หรือหลังอิงทิศใต้ จะเรียกว่าบ้านหลี (ทิศใต้)

 

2. ด้านหน้าของบ้านมักอยู่ที่ด้านข้างของอาคาร ซึ่งเป็นที่ที่พลังอันจับต้องไม่ได้มาชุมนุมกัน รวมตัวกันและเข้าสู่อาคาร ปกติมันจะเป็นบริเวณเปิดโล่ง เรียกว่า “หมิงถัง" โถงกระจ่าง ซึ่งชักนำพลังที่จับต้องไม่ได้มารวมตัวกันก่อนที่จะเข้าสู่บ้าน หมิงถังอาจเป็นถนนใหญ่ สวนสาธารณะ หรือเป็นแค่บริเวณเปิดโล่งก็ได้

 

3.ขอแนะนำให้มองดูทางเข้าหลักก่อน อาคารหลายหลังมีทางเข้าหลักที่ด้านข้าง โดยหันหน้าอาคารไปหาถนนใหญ่ แต่ไม่จำเป็นต้องหมายความว่า ด้านหน้าของบ้านจะพลอยอยู่ริมถนนตามไปด้วย ทั้งนี้เพราะไม่มีหมิงถังให้พลังที่จับต้องไม่ได้มาชุมนุมและรวมตัวกัน

 

4. ในกรณีของอาคารที่มีรูปทรงเป็นตัวอักษร X หรือ Y ในภาษาอังกฤษ ควรถือว่าอาคารส่วนที่เป็นแขนซึ่งยื่นออกไปเป็นอาคารอิสระต่างหาก และจำเป็นต้องประเมินอาคารเหล่านั้นแยกออกจากกัน เพราะมันไม่มีด้านหน้าหรือด้านหลังร่วมกัน อันเป็นตัวแทนของอาคารทั้งหลัง

 

5. ถ้าอาคารมีทางเข้า และหมิงถังต่าง ๆ อยู่ด้านข้างทุกด้าน หมายความว่าบ้านนี้กำลังรับพลังที่จับต้องไม่ได้จากหลายทิศ ในกรณีนี้ ถ้ายังคงไม่สามารถกำหนดด้านหน้าและด้านหลังของอาคาร โดยใช้หลักการต่างๆ ที่กล่าวไปแล้วนี้ แสดงว่าพลังที่จับต้องไม่ได้ผสมปนเปกันไปหมด สิ่งที่จำเป็นต้องทำคือ ตรวจสอบด้านหน้าและด้านหลังของอพาร์ตเมนท์ตามแต่คุณจะเลือกโดยใช้ทางเข้าเป็นด้านหน้าและด้านตรงข้ามเป็นด้านหลัง

 

6. โปรดจำไว้ว่าในทฤษฎีอัฏฐะเรือน ความผิดพลาดที่พบได้บ่อยอย่างหนึ่งในหมู่ผู้เริ่มต้นศึกษาฮวงจุ้ยคือ การประเมินบ้านโดยมองแต่ด้านหน้า และไม่คำนึงถึงด้านหลัง ถ้าประเมินเฉพาะด้านหน้า จะทำผิดพลาดได้ง่ายโดยระบุว่ามันคือบ้านเฉียน เพราะหลังบ้านอิงทิศตะวันตกเฉียงเหนือ แต่ที่จริงมันเป็นบ้านขั่นเพราะหลังบ้านอิงทิศเหนือต่างหาก ทิศของตำแหน่งภายในบ้านควรวัดจากจุดศูนย์กลางของบ้าน

 

Visitors: 179,614